โมดิ Modi สำหรับผู้ที่มีภาวะเสี่ยงโรค เบาหวาน เสริมสร้างการหลั่ง อินซูลิน จากตับอ่อน.
รู้ได้อย่างไร…..ว่าเสี่ยงเป็น เบาหวาน หรือเปล่า ?
โรคเบาหวาน โรคยอดฮิต 1 ใน 10 ที่คุกคามคนไทยมากที่สุด พบในในทุกเพศทุกวัย และ พฤติกรรมการใช้ชีวิต การออกกำลังกาย กรรมพันธุ์ เป็นต้น.
เชื่อหรือไม่…..ว่ามีคนอีกจำนวนมากที่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน แต่ไม่รู้ตัวทำให้ละเลย การดูแลสุขภาพ อย่างถูกวิธี และ อาจนำไปสู่โรคอื่นๆ อันเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ รุนแรงได้.
การจะรู้ว่าคุณ อยู่ในข่ายเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ ?
โรคเบาหวาน เกิดจากการทำงานของ ” ฮอร์โมนอินซูลิน ” ( Insulin ) ของร่างกายผิดปกติส่งผลให้ อินซูลิน ซึ่งมีหน้าที่นำน้ำตาลในเลือด เข้าสู่เซลล์ต่างๆ เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และเกิดการคั่งค้าง ของน้ำตาลในเส้นเลือดแดง ส่งผลให้อวัยวะ ต่างๆ ในร่างกายเสื่อม ซึ่งอาการนี้จะส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้.
ภาวะแทรกซ้อน ตรวจก่อน…รู้ทันเบาหวานป้องกันได้
- โรคหลอดเลือดสมองตีบ
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคไตจากเบาหวาน
- สูญเสียเท้าจากแผลเบาหวาน
- เบาหวานขึ้นจอประสาทตา
อันตรายที่สำคัญของเบาหวานคือ โรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น ในอวัยวะต่างๆ ตลอดจนการติดเชื้อที่ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานต้องสูญเสียอวัยวะไป.
รู้หรือไม่ ? ว่า คนเป็น เบาหวาน ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อน
อัตราการเสียชีวิตจากโรคเบาหวานในประเทศไทย 200 คน/วัน คาดว่าภายในปี 2583 จะมี ผู้ป่วยเป็นเบาหวานเพิ่มสูงขึ้นถึง 5.3 ล้านคน น้ำตาลเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้น การดูแลสุขภาพโดยการควบคุมระดับน้ำตาลจึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญถ้าไม่อยากเสี่ยงต่อโรค.
อีกหนึ่งทางเลือก สยบโรคเบาหวานโดยมะระที่ไม่ขม มะระที่ไม่ขมบรรจุในแคปซูลผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโมดิ Modi มะระที่ไม่ขมสยบเบาหวาน ลดหวานลดโรค เบาหวานอาการเตือน ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ เป็นแผลหายช้า อ่อนเพลียไม่มีแรง ชาปลายมือ เท้า.
สารสกัดจากมะระขี้นก สารชาแรนติน ( Charantin ) มีผลต่อการลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดการสร้างน้ำตาลจากตับ อีกทั้งยัง เสริมสร้างการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อน จากรายงานการวิจัย ในปี คศ.2011 โดยการให้สารสกัดมะระขี้นก 2 กรัม ต่อวัน ช่วยลดปริมาณน้ำตาลในหลอดเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน
นอกจากนี้ สมุนไพรจากธรรมชาติ ชนิดอื่นๆ ก็สามารถกินเพื่อลดน้ำตาลได้ อาทิเช่น
ขิง มีสารต้านอนุมูลอิสระ รักษาไมเกรน เผาผลาญไขมัน/ น้ำตาล
ชาเขียว ลดระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการทำงานของอินซูลิน
อบเชย แก้อ่อนเพลีย เผาผลาญน้ำตาล มีสารต้านอนุมูลอิสระ
กระเทียม ลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต ลดระดับน้ำตาลในเลือด.
มาดูกันสิว่า คุณมีพฤติกรรม ที่สุ่มเสี่ยงเข้าจะเข้าใกล้โรคเบาหวาน โดย 7 สัญญาณเตือนว่าตอนนี้คุณ “ติด” กับดัก ของหวานเข้าให้แล้วสิท่า !!!!!
- มีข้ออ้าง เวลาอยากกินของหวาน
- ร่างกายไม่เห็นด้วยที่จะงดของหวาน
- มีอีกกระเพาะสำหรับที่ว่างให้ของหวาน
- กินของหวานเท่าไหร่ ก็ไม่พอ
- ชอบทานอาหารรสจัด
- กินของหวานเพื่อให้อารมณ์ดี
ความจริงของโรคเบาหวานที่หลายคนมองข้าม
- มีผู้เสียชีวิตเพราะเบาหวาน เฉลี่ยวันละ 27 คน
- 1 ใน 3 ไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน
- สาเหตุเกิดจากดื้ออินซูลิน
- ร้อยละ 95 เป็นโรคเบาหวานเกิดจากการกินและขาดการออกกำลังกาย
- ส่วนใหญ่เสียชีวิตเพราะโรคแทรกซ้อน
- แค่ควบคุมระดับน้ำตาลให้เป็นปกติ ก็ใช้ชีวิตหรือ ทานอาหารเหมือนคนปกติได้
ทำความรู้จักชนิดของเบาหวาน
โรคเบาหวานแบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ
เบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากการขาดอินซูลิน เนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถหลั่งอินซูลินได้เลย (อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อน ทำหน้าที่ช่วยนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ของร่างกาย เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงานในการดำรงชีวิต) เบาหวานชนิดนี้มักพบในเด็กและผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี
เบาหวานชนิดที่ 2 พบมากในคนส่วนใหญ่ เกิดจากการที่เซลล์ของร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ไม่ดีหรือที่เรียกว่าภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้ร่างกายเหมือนขาดอินซูลินไประดับหนึ่ง ร่างกายต้องทดแทนโดยการสร้างอินซูลินออกมามากขึ้น จนตับอ่อนทำงานมากขึ้นจนทำงานไม่ไหวถ้าไม่ช่วยแก้ไข นอกจากนี้ตับอ่อนของผู้ป่วยเบาหวานชนิดนี้ยังสร้างอินซูลินได้ไม่มากเท่าคนปกติด้วย จึงมีระดับอินซูลินที่ไม่พอเพียงแก่ความต้องการ สาเหตุของภาวะดื้ออินซูลิน ได้แก่ พันธุกรรม ความอ้วน และการไม่ออกกำลังกาย ดังนั้น หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน ร่วมกับมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ก็จะมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้มากขึ้น
เบาหวานชนิดที่ 3 เป็นเบาหวานชนิดที่มีสาเหตุชัดเจน เช่น โรคตับอ่อนอักเสบ ตับอ่อนถูกตัด โรคที่มีเหล็กสะสมมากเกินไปในตับจนทำให้ตับเสียหาย การรับประทานยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ การได้รับสารเคมี ความผิดปกติของฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต
เบาหวานชนิดที่ 4 เป็นเบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ มักเกิดในผู้ที่ไม่มีประวัติเป็นเบาหวานมาก่อนตั้งครรภ์ เมื่อคลอดแล้วเบาหวานก็จะหายไป แต่คนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดเป็นเบาหวานได้อีกในอนาคต