ต่อมลูกหมากโต
: รู้หรือไม่ว่า 80 % ของผู้ชายเป็นโรค ต่อมลูกหมากโต
โรค ต่อมลูกหมากโต
โรคต่อมลูกหมากโต (BPH – Benign Prostatic Hyperplasia) คือ ภาวะที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ซึ่งชาวตะวันตกมักเปรียบเทียบขนาดปกติของต่อมลูกหมากว่าเท่ากับขนาดของผลวอลนัท (walnut-size) ตำแหน่งของต่อมลูกหมากจะอยู่ในบริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากทำหน้าที่สร้างสารที่เป็นของเหลวประมาณ 30% ของน้ำอสุจิ
ด้วยเหตุที่ต่อมลูกหมากจะห่อหุ้มท่อปัสสาวะส่วนต้นไว้ ดังนั้นเมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้นก็อาจกดทับท่อปัสสาวะให้ตีบเล็กลง ส่งผลให้คนไข้มีอาการปัสสาวะติดขัด นอกจากนี้ต่อมลูกหมากโตอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะหนาขึ้น เนื่องจากต้องบีบตัวแรงขึ้นเพื่อขับน้ำปัสสาวะให้ผ่านท่อแคบๆ และเมื่อผนังกระเพาะปัสสาวะหนาตัวขึ้นก็จะส่งผลต่อความสามารถในการกักเก็บน้ำปัสสาวะลดลง คนไข้จึงต้องปัสสาวะบ่อย และอาจได้รับการกระตุ้นให้ปวดปัสสาวะขึ้นมาอย่างกะทันหันได้
โรคต่อมลูกหมากโตเป็นโรคที่พบได้เป็นปกติ และการเกิดขึ้นมักจะสัมพันธ์กับอายุ มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า 50% ของผู้ชายที่เป็นโรคต่อมลูกหมากนั้นมีอายุประมาณ 60 ปี
ที่ผ่านมายังไม่มีหลักฐานที่แสดงชัดว่าโรคต่อมลูกหมากโตจะนำไปสู่โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่อย่างไรก็ตามอาการของความผิดปกติทั้งในต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมากนั้นมีความคล้ายกัน และอาจเป็นไปได้ว่าภาวะต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมากจะเกิดขึ้นในขณะเดียวกันได้ โรคต่อมลูกหมากโตนี้สามารถรักษาได้
ในทางการการแพทย์จะมุ่งเน้นที่อาการขับถ่ายปัสสาวะของ ผู้ป่วยที่ผิดปกติเป็นหลัก มากกว่าขนาดก้อนต่อมลูกหมาก สามารถสังเกตอาการได้ ดังนี้
- ปัสสาวะบ่อยหรือต้องการปัสสาวะทันที
- ปัสสาวะนาน ปัสสาวะอ่อน ปัสสาวะสะดุด (ขัดเบา) ปัสสาวะเป็นหยดๆ
- รู้สึกปวดขณะถ่ายปัสสาวะ
- ปัสสาวะหลายครั้งในตอนกลางคืน
- มีเลือดปนออกมาในปัสสาวะ
การรักษาโรคต่อมลูกหมากโต
- หากมีอาการเพียงเล็กน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องรักษา
- ควรงดดื่มของเหลวหรือแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไปโดยเฉพาะในเวลากลางคืน
- แพทย์อาจะสั่งยาบางชนิดให้ เช่น Proscar (finasteride) ซึ่งช่วยให้ต่อมลูกหมากมีขนาดเล็กลง หรือยาคลายกล้ามเนื้อเรียบในต่อมลูกหมากให้อ่อนตัวลง (alpha-blockers)
- รักษาด้วยความร้อน (การใช้ความร้อนกับเนื้อเยื่อของต่อมลูกหมาก) สามารถใช้เพื่อลดอาการของต่อมลูกหมากโตได้ ข้อดีของการรักษานี้ก็คือสามารถดำเนินการรักษาในขณะที่เป็นผู้ป่วยนอกได้ โดยจะมีการใช้พลังงานจากคลื่นไมโครเวฟหรือคลื่นความถี่วิทยุจำนวนเล็กน้อยในการรักษา
- ด้วยการผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง เพื่อตัดเอาชิ้นเนื้อส่วนที่เกินออกมาจากต่อมลูกหมาก (TURP) วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีผ่าตัดที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่ แพทย์ผ่าตัดจะส่งท่อที่มีกล้องขนาดเล็กผ่านเข้าสู่ท่อปัสสาวะ ตรงปลายท่อจะมีเครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็กใช้สำหรับตัดเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากส่วนที่กดทับท่อปัสสาวะไว้
- ในกรณีที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่มากผิดปกติ แพทย์อาจจำเป็นต้องใช้วิธีการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องเพื่อนำเอาเนื้อเยื่อส่วนเกินออกมา
- สารสกัดจากมะเขือเทศ สีแดง ไลโคปีน ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ ลดความเสี่ยงในการเกิด มะเร็งต่อมลูกหมาก
- วิตามิน B1 B2 Niacin ช่วยการทำงานของระบบประสาท และ ช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพของ ระบบสืบพันธุ์ ให้ฟื้นกลับมา เป็นปกติ
- ซิงค์คลอไรด์ แก้ไขต่อมลูกหมากโต ช่วยอวัยวะสืบพันธุ์ ทำงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพ
เกร็ดความรู้ : อาหารประเภทใดที่มีผลต่อมะเร็งต่อมลูกหมากและมีผลอย่างไร และมีอาหารที่ช่วยชะลอการกระจายตัวและลุกลามของต่อมลูกหมากหรือไม่ ซึ่งจากการศึกษาและนําข้อมูล ทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน พบว่าอาหารไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่มีผลต่อการเกิดและลุกลามของมะเร็ง แต่ ยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก เช่น กรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม รวมทั้งอาหารไขมันสูง เป็นต้น
หากจะตอบคําถามที่ว่า อาหารประเภทใดที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้นั้น ก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่นว่า จากการศึกษาสารที่พบในมะเขือเทศ ซึ่งเป็นอาหารที่มีการพูดถึงกันบ่อยมาก โดยเฉพาะสารที่เรียกว่า Lycophene ในมะเขือเทศ เมื่อนําไปปั่น แปรสภาพ หรือคั้น ก็สามารถนํามารับประทานได้ทันที คุณสมบัติของสารชนิดนี้จะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้ในระดับหนึ่ง (antioxidant) เนื่องจากในภาวะปกติการดํารงอยู่ของเซลล์มนุษย์ จะเกิดอะตอมของออกซิเจนหรือ free radicals ขึ้น ซึ่งเซลล์จะใช้ใน การตอบสนองต่อการรุกรานของสิ่งแปลกปลอมหรือแบคทีเรียแต่ในทางกลับกัน free radicals ก็เป็นอันตรายต่อเซลล์เช่นกันโดยอาจจะก่อให้เกิดการแตกสลายของ DNA ทําให้เซลล์ปกติ กลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ดังนั้นสารดังกล่าวจึงมีฤทธิ์ต้านการเกิดมะเร็งขึ้นได้
จากการ ศึกษายังยืนยันอีกด้วย ว่า น้ำ มะเขือเทศสามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึง 33% และจากการติดตามผู้ป่วยที่รับประทานน้ำมะเขือเทศสัปดาห์ละ 2 ครั้ง นานถึง 12 ปี พบว่ามีอัตรา การลุกลามของมะเร็งต่อมลูกหมากลดลงถึง 35% และการกระจายตัวของมะเร็งต่อมลูกหมากลดลง 36% ส่วนในมะเขือเทศสดนั้น พบว่ามีผลต่อมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าเนื่องจากสาร Lycophene ไม่สามารถแตกตัวออกมาหาก ไม่ผ่านความร้อน อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาพืชผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองอย่างแครอท มะละกอ หรือส้ม ก็ยังไม่มีผลการวิจัยที่ยืนยันในเรื่องสารต้านมะเร็งที่แน่ชัด
สารต้านเซลล์มะเร็งไม่ให้ก่อตัวในร่างกาย นอกจากสารที่พบในมะเขือเทศแล้ว ยังมีสารต่างๆที่มีหลักฐานยืนยันว่าสามารถลด อัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีก
วิตามิน E
วิตามิน E ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีหลักฐานการศึกษายืนยันชัดเจนว่า สามารถช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึงร้อยละ 40 ข้อมูลดังกล่าวนี้เป็นการศึกษาในกลุ่มคนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง ซึ่งมีการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์เมื่อปี 2542 ข้อมูลระบุว่า ผู้ที่รับประทานวิตามิน E วันละ 50 ยูนิต จะมีอัตราการพบมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับ วิตามิน E ถึงร้อยละ 40 และยังพบว่า ลด อัตราการลุกลามของมะเร็งได้ด้วย วิตามิน E พบมากในพืช หลายชนิด เช่น ข้าวโพด มะเขือเทศถั่ว และผักใบเขียว
Selenium
Selenium เป็นสารอาหารที่พบมากในถั่ว ปลา กระเทียม มีฤทธิ์ยับยั้งการโตของเซลล์มะเร็ง ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้อีกด้วย ซึ่งจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ทําให้เชื่อว่า Selenium สามารถลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้มากถึงร้อยละ 50-65
วิตามิน D
มีการศึกษายืนยันว่าวิตามิน D มีผลในการลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากและลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ซึ่งวิตามิน D ที่ได้รับส่วนมากได้รับมาจากการสัมผัส กับ แสงแดด
สังกะสี
สังกะสี เป็น สารอาหาร ที่ พบได้ มากในเนื้อสัตว์ ปู หอย เป็นต้น มีการศึกษาพบว่าสังกะสีจะไป สะสมที่ต่อมลูกหมากเป็นจํานวนมากกว่าอวัยวะอื่น และอาจมีผลการลุกลาม ของมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ดังเช่นการศึกษาของ Leitzmann และคณะเมื่อปี 2547 พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับสังกะสีมากกว่า 100 มิลลิกรัมต่อวัน มะเร็งต่อมลูกหมากจะกระจายตัวช้ากว่าผู้ที่ไม่ได้รับสังกะสีถึง 1 เท่าตัว
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เพิ่มเพื่อน แอดไลน์ มาคุยกับเราได้นะคะ